ขนหัวลุก สวัสดีครับทุกคน ผมจะมาเล่าประสบการณ์ขนหัวลุกของผมซึ่งเป็นเรื่องเล่าตอนที่แม่ผมยังเด็กมาก แล้วแม่ผม เล่าเรื่อง ให้ผมฟังอีกที ซึ่งเป็นเรื่องที่ขนหัวลุกที่สุดตั้งแต่เจอมา แม่ผมเล่าให้ฟังว่าในตอนนั้นแม่ใช้ชีวิตในบ้านทุ่ง บ้านสร้างเป็นไม้ทั้งหลัง ใช้น้ำก็ใช้น้ำฝน ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง ต้องใช้ตะเกียงกับเตารีดใส่ถ่านแทนเครื่องใช้ไฟฟ้ายุคนั้น
วันนั้นตาฉุน ที่เป็นพ่อแท้ๆ ของแม่ แกออกไปทำมาหากินตามปกติแล้วแม่ไปไหนมาไหนกับตาด้วย เนื่องจากโรงเรียนปิดเทอม ทำให้มีเวลาว่างที่จะไปไหนมาไหนได้ แม่จะไปช่วยแกผ่าฟืน เก็บหน่อไม้สดกลับมาบ้านเป็นกระสอบ
แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่มีความสุขตามประสาพ่อลูกที่ได้หากินด้วยกัน แล้วเรื่องขนหัวลุกก็เกิดขึ้น
ตาฉุนกลับมาที่บ้านหลังจากหาของป่าตัดฟืนแล้ว จู่ๆ แกมีอาการร้อนวูบวาบเหมือนไม่สบายเนื้อสบายตัว ได้ยินเหมือนใครกระซิบเรียกชื่อแกตลอดเวลา แต่แกหันไปก็ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลย ใครจะมาเรียกแกตอนกลางคืน นอกจากนี้แกเหมือนรู้สึกว่ามีคนหายใจรดต้นคอแกตลอดเวลา
“ฉุน…..ฉุน……”
ตาแกคงคิดว่าหูแว่วแล้วกระมัง ก็เลยไม่สนใจ หลังจากนั้นแม่ก็ไม่ได้เห็นอะไรหลังจากนั้นเลยว่าตาเป็นยังไง แม่ก็ทำอาหารสับหยวกกล้วยเลี้ยงหมู ก่อนที่จะอาบน้ำ ตั้งใจจะให้พ่อได้อาบน้ำก่อนแล้วค่อยถึงคิวตัวเอง แต่ว่าหาพ่อตัวเองไม่เจอว่าพ่อไปไหน (พ่อก็ตาฉุนนั่นแหล่ะ) แม่ก็งงว่าพ่อไปไหน ปกติพ่อจะอาบน้ำก่อนไม่ใช่หรือ
“พ่อไปไหนนะ…อาบน้ำก่อนก็ได้ เดี๋ยวพ่อมาก็อาบเอง”
แม่ก็อาบน้ำเสร็จ จนป่านนี้พ่อก็ยังไม่มา พอแม่ทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วนั้นขนหัวลุกสักพักน้องชายของแม่วิ่งมาหน้าตาตื่นเรียกแม่กันจ้าละหวั่น แม่บ่นใส่ว่านี่กลางคืนแล้วส่งเสียงดังทำไม น้องชายของแม่วิ่งมาตามแม่บอกว่าพ่อมีอาการแปลกๆ ช่วยมาดูพ่อหน่อย แม่ถามว่าแล้วลุงฉินอยู่ไหนล่ะ
“ลุงฉินไปตามหมอผีแล้วพี่ พี่รีบมากับฉันก่อน”
“แล้วพ่ออยู่ไหนล่ะ”
“พ่ออยู่ตรงโน้นพี่ ตามฉันมาเลยพี่”
แม่กับน้องชายแม่วิ่งตามไปดูตาฉุนด้วยความรีบร้อน พอไปถึงที่บ้านอีกฟาก พบว่าพ่อมีอาการหลอน คลุ้มคลั่ง ขนหัวลุก กราดเกรี้ยวผิดปกติเหมือนว่ามีใครไม่รู้มาอยู่ในร่างพ่อตัวเอง จากนั้นลุงฉินที่เป็นพี่ชายพ่อตามหมอผี ซึ่งเป็นหมอผีประจำหมู่บ้านมาช่วยน้องชายตัวเองที มันมีอะไรมาสิงก็ไม่รู้ จนหมอผีถามว่ามาจากไหน
“ข้ามาจากตะรุเตา….ข้าหิว…ข้าอยากสูบฝิ่น….ข้าขอฝิ่นหน่อย…”
“ข้าไม่มีฝิ่นให้ แกเป็นใคร แกมาจากไหน ทำไมมาสิงลูกตัวเอง รู้ไหมเขาตกใจกันหมด”
ทุกคนอึ้ง ปกติตาฉุนแกจะไม่สูบฝิ่น แกไม่ชอบสูบอะไรเลยแม้แต่สูบยาเส้น แต่ครั้งนี้ดูออกว่าไม่ใช่ตาฉุน
ต้องเท้าความว่าในยุคนั้นใครที่โดนไปปล่อยที่เกาะ ส่วนมากมักจะเป็นพวกที่มีอัตราโทษรุนแรง ไม่ใช่แค่มีนักโทษจากคดีทางการเมืองเพียงอย่างเดียว แต่ก็มีคดีจากการติดฝิ่นในยุคนั้นด้วย จะเห็นได้จากตาทวดสินคนที่สิงร่างตาฉุน แกมีโทษร้ายแรงคือการสูบฝิ่น แล้วมีฝิ่นไว้ในครอบครองเยอะมาก แกเลยโดนศาลตัดสินคดีให้ปล่อยเกาะตะรุเตา แล้วแกไปอยู่เกาะด้วยความยากลำบาก มีเพียงจดหมายเขียนกลับมาแล้วไม่มีใครได้รับจดหมายฉบับต่อไปอีกเลย
ด้วยการใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยความอดอยาก อยู่อย่างยากลำบากมาตลอด จะหาอะไรกินก็ไม่ได้ ตาทวดสินแกก็รับโทษอยู่ที่นั่นไปจนสิ้นลมหายใจของแก ผมให้น้ำหนักไปที่ความอดอยากตามที่แม่เล่าให้ฟัง
“ข้าชื่อสิน เป็นพ่อไอ้ฉุนมัน ข้าถูกจับไปปล่อยเกาะเพราะข้าสูบฝิ่น ค้าฝิ่น แล้วตำรวจเขาไม่ยอม ข้าเลยโดนปล่อยที่เกาะ แล้วข้าก็ตายที่นั่นเพราะความหิวโหย ไม่ได้กลับมาหาลูกเมียอีกเลย”
พูดไปก็สงสารปู่สินมาก ที่แกต้องมาสิงร่างลูกชายตัวเองเพราะจิตสุดท้ายของตาสินนึกถึงลูกเมีย แต่ตัวเองกลับมาไม่ได้ และแกก็ยังไม่รู้ว่าย่าก็สิ้นไปนานแล้วเหมือนกัน หมอผีถามว่าหิวไหม อยากกินอะไรไหม จะได้บอกคนในบ้านทำให้กิน จะได้ไม่ต้องมาเป็นผีเร่ร่อนร้องขอส่วนบุญแบบนี้ ปู่สินบอกว่าอยากกินก้อยเนื้อ ลุงฉินเลยทำก้อยเนื้อให้ปู่สินในร่างตาฉุนกินนี่แหล่ะ พอทำอาหารกับข้าวมาให้เสร็จสรรพ ปู่สินแกกินข้าวเป็นหม้อๆ จนทุกคนต้องบอกว่าใจเย็นๆ เดี๋ยวติดคอ แต่ด้วยความหิวโหยทำให้ไม่ได้กินอาหารดีๆ แบบนี้อีกเลยตั้งแต่ไปอยู่เกาะ
“เอาล่ะถ้ากินเสร็จแล้วก็อย่ามาสิงใครแบบนี้อีกนะตาสิน เดี๋ยวลูกแกจะท่าไม่ดีเสียก่อน ถ้าออกจากร่างลูกตัวเองเมื่อไหร่จะบอกให้เรื่องไปบวชให้แก แกจะได้เกาะชายผ้าเหลืองด้วย”
“สาธุ….สาธุ…”
พอหมอผีพูดจบ ปู่สินยกมือสาธุก่อนที่ร่างตาฉุนจะล้มตึงไป ลุงฉินรีบประคองตาฉุนที่ไม่ได้สติลุกขึ้น ตาฉุนถามว่าไปเอาหม้อข้าวกับก้อยเนื้อมาจากไหน ลุงฉินบอกว่าพ่อมาสิงแกอยู่ทำให้ทุกคนขนลุกซู่มาก ตาฉุนรู้ว่าปู่สินไม่กลับมาหาย่าอีกเลย จำได้แค่แกถูกตำรวจจับตอนที่ลุงฉินกับตาฉุนยังเล็กมาก จากนั้นมาก็ไม่ทราบข่าวคราวอะไรเกี่ยวกับปู่สินอีกเลยจนกระทั่งสิ้นบุญย่า เหมือนความรู้สึกสุดท้ายก่อนตายแกห่วงลูกเมีย
แต่ไม่รู้ว่าลูกสองคนของแกโตแล้ว เมียตายไปนานแล้ว แกเลยมาเข้าสิงเพราะต้องการขอความช่วยเหลือ
หมอผีบอกว่างานนี้ลุงฉินกับตาฉุนต้องบวชแล้วล่ะ อย่างน้อยบวชเพื่อให้วิญญาณปู่สินได้เกาะชายผ้าเหลือง ไปสู่สุคติสักที ดูแล้วแกทรมานมากในโลกวิญญาณ ทั้งลุงฉินกับตาฉุนแกรับปาก เพราะอาทิตย์หน้าแกมีฤกษ์บวชพอดี และจะบวชให้ย่าด้วย สักพักหมอผีสวดมนต์ตามแบบพุทธคุณสายขาวให้คนในบ้านก่อนจะเดินกลับบ้านไป
หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น ทั้งตาฉุน ลุงฉินแกบวชเป็นเวลา 9 วันเพื่ออุทิศให้กับปู่สิน แม่อนุโมทนาสาธุอย่สงดี พอเหลือบสายตาหันไปมองทางหน้าต่าง วิญญาณปู่สินแกมาอนุโมทนา รับส่วนบุญในสิ่งที่ลูกชายแกบวชให้ จากที่มาแบบซูบผอม แต่คราวนี้เหมือนอิ่มบุญ วิญญาณแกดูมีราศีขึ้น จากนั้นแล้วก็หายไปราวกับหมดความทุกข์
เรื่องราวเหล่านี้เป็นเรื่องราวบางส่วนที่แม่ผมเล่าให้ฟัง แล้วจะเป็นเรื่องเล่าที่แม่ผมไม่ลืมเลือนเลย แม้ว่าจะผ่านมานานถึงหกสิบปีแล้วก็ตาม ผมได้ฟังเองผมยังขนลุกเลย แม้จะผ่านหลายปีก็ตาม
ผมเชื่อในสิ่งที่แม่เล่า ว่าชีวิตหลังความตายมันทุกข์ทรมานกว่าที่คิด ผมไม่รู้ว่านอกจากตาทวดสินแกติดฝิ่น แกยังมีกรรมติดตามด้วยหรือไม่ อันนี้ผมไม่รู้ แต่เรื่องยาเสพติดมัน มันเป็นสิ่งที่ใครๆ เรียกอบายมุข และฝิ่นถูกพัฒนาเป็นยาเสพติดอื่นๆ ที่ร้ายแรงอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเฮโรอีน หรือสารเสพติดที่พัฒนาให้ร้ายแรงมากในปัจจุบัน แกเลยได้รับความทุกข์ทรมานจากโทษยาเสพติดนี่ด้วยกระมัง
ผมขออนุญาตเอาเรื่องตาทวดสินเล่าให้ฟัง…เผื่อจะเป็นเรื่องราวเตือนสติใครหลายคนเรื่องยาเสพติด ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัย ยาเสพติดก็ยังไม่ได้หายไปจากประเทศไทยสักที รวมถึงฝิ่นเช่นกัน
ผมขอจบเรื่องเล่าของผมแต่เพียงเท่านี้เพื่อเป็นการทิ้งท้าย…. บรื๋ออออออออออ