Life is about looking forward
Life is about looking forward วงX-Japan(9) คุณเคยคิดไหม สมมติซัก 10 ขวบ ว่าวันหนึ่งคุณจะต้องคุกเข่าร้องขอชีวิต เราว่าคุณไม่เคยคิด คคุณโทชิก็ไม่เคยคิดตอนนี้วง X-Japan กลับมาแล้ว แต่คุณโทชิยังตกอยู่ภายใต้การล้างสมอง วันที่28-30 มีนาคม 2551 มีการจัดคอนเสิร์ต X -Japan to Resume its Attack in 2008 I.V. – towards destuction ที่โตเกียวโดม ซึ่งแต่ละวันจะมีชื่อต่างกันไป คือ iNight of Destruction
Night of Madness Night of Creation และคนที่มาเติมตำแหน่งมือกีต้าร์ของคุณฮิเดะที่เสียไป คือ Wes Borland(มือกีต้าร์วงอเมริกา Limp Bizkit,Richard Fortus(มือกีต้าร์วงอเมริกา Guns N’ Roses) และ Sugizo (ซึ่งต่อมาได้เป็นมือกีต้าร์หลักของวง) มันเหมือนเป็นการประกาศว่าวง X-Japanกลับมาแล้ว และที่สำคัญจะมี World Tour ด้วย (แต่มันถูกเลื่อนเพราะปัญหาสุขภาพของคุณโยชิกิค่ะ )!!!
จากนั้นวันที่ 3 และ 4 พฤษภาคม 2551 ก็มีคอนเสิร์ต “Hide Memorial Summit” เพื่อที่รำลึกถึงการจากไปของคุณฮิเดะจัดขึ้นที่ Ajinomoto Stadium ในระหว่างการซ้อมนั้นโทชิต้องปิดมือถือ นั่นหมายความว่า คาโอริ จะโทรตามเขาไม่ได้ เขาได้พูดคุยรำลึกความหลังกับคุณโยชิกิและสมาชิกวง X-Japan อย่างสนุกสนาน
คุณโทชิกล่าว่ามันเป็นเวลายาวนานที่เขาปิดกั้นตัวเองจมอยู่ในลัทธิแล้วเค้าก็ได้”เปิดใจ” เขาเห็นความจริงหลายอย่างของลัทธิสกปรกนั่น เขาคิดว่า ควรจะหนีซะ เขาจึงใช้โอกาสที่วันหนึ่งที่เขานัดอัดเสียงกับคุณโยชิกิคิดจะหนี ก่อนหน้านั้นคาโอริ โมริทานิกระหน่ำโทรหาเขา แต่เขาไม่รับ
คุณโทชิกล่าวว่า7 กรกฏาคม 2552 เขาจะจำไปจนวันตายว่าถูกลักพักตัวและถูกกักขัง คุณโทชิเล่าว่าเขาไม่ได้นอนและกินข้าวมาหลายคืนแล้ว ร่างกายและจิตใจเขากำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เขาไปที่สตูดิโอตั้งแต่ 9 โมงและภานา อย่าได้เจอคาโอริ แต่!!เมื่อเปิดประตูลิฟท์ที่ชั้น 3 เขากลับเจอคาโอริ (เธอเป็นผีรึ รู้การกระทำสามีทุกอย่าง หรือเธอติด GPSสามีไว้) คุณโทชิกับคาโอริยื้อยุดกันอยู่ตรงนั้นจนคุณโทชิหนีเข้าห้องสตูดิโอจนสำเร็จ คุณโทชิไม่กล้าออกมาแม้แต่เข้าห้องน้ำ และเมื่อเขาจะออกมา
คาโอริก็ด่าทออย่างหยาบคาย การบันทึกเสียงนั้นโยชิกิต่อสายมาจาก Los Angeles และมันจบลงตอนสี่ทุ่ม คุณโทชิที่เคยเกลียดการเข้าสตูดิโอนานๆกับโยชิกิ ตอนนี้กลับไม่อยากให้มันจบลงเลย คุณโทชิคิดจะวิ่งออกจากสตูดิโอ แต่คาโอริกลับจับมือคุณโทชิไว้แน่นและลากเขาไปที่ชั้นหนึ่ง และที่นั้นทีมงานของ Home of Heart ได้ยืนล้อมตัวเขาเต็มไปหมด แผนการหลบหนีมันจบลงแล้ว
คาโอริยัดตัวเขาใส่รถตู้ และเอาตัวเขาไปหามาซายะที่นาสุ ระหว่างทางนั้นก็ซ้อมเขาตลอดทาง เมื่อเจอมาซายะ มาซายะห็สั่งให้ฆ่าคุณโทชิซะ และคนจากHome of Heart ก็มารุมซ้อมคุณโทชิ และคุณโทชิก็ได้ยินมาซายะพูดว่าเขาจะส่งคุณคุณโทชิให้มาเฟียซะ คุณโทชิจึง”คุกเข่าแทบเท้ามาซายะ บอกว่าขอโทษด้วย เขาจะไม่ทำเช่นนี้อีก” มันภึงจุดที่คุณโทชิต้องร้องขอชีวิตแล้ว อ่านถึงตรงนี้เราอยากให้คุณหยุดแล้วคิด เราคิดว่าหลายคนเกิดมาคงคิดว่าถึงแม้เราจะไม่เหลืออะไร อย่างน้อยก็ยังมีชีวิตที่เป็นของเรา…แต่ถ้ามันตกเป็นของคนอื่นหล่ะ…ถ้าคนๆนั้นมีอำนาจจะทำอะไรกับเราก็ได้…คุณจะทำยังไง
คุณโทชิคิดว่าเขาคงอยู่ในความมืดมิดนี้ไปตลอดกาล เนื่องจากการถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจอย่างหนัก จนเขาเริ่มมีอาการ intercostal neuralgia หรือ อาการปวดประสาทระหว่างซี่โครง ซึ่งเขาจะเป็นหนักตอนออกเสียง หรือร้องเพลง จนกระทั่งเขาร้องเพลงที่งานอีเวนต์หนึ่ง ความเจ็บปวดทำให้เขาเป็นลมสลบลงไป เขาถูกนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว เมื่อเขาฟื้นขึ้นมา เขาเจอชายคนหนึ่งที่บอกว่าเขาเป็นประธานงานอีเวนท์ที่คุณโทชิไปร้องเพลง นามว่า “มิคามิ” (ในหนังสือของคุณโทชิบอกว่าเป็นนามสมมติค่ะ) คุณมิคามิบอกว่าเขาโทรแจ้งภรรยาให้แล้วนะด้วยความหวังดี
แต่โทชิกลับตกใจและพยายามจะหนี คุณมิคามิหยุดเขาไว้และบอกว่าไม่มีใครจะเข้าถึงคุณโทชิได้ ทว่าเหตุการณ์เมื่อ 7 กรกฏาคมยังตามหลอกหลอน คุณมิคามิสังเกตเห็นข้อความหยาบๆคายที่คาโอริโทรมา และ โทรศัพท์ที่เต็มไปด้วยคำหยาบคายของคาโอริก็กระหน่ำโทรมาไม่หยุด คุณมิคามิคิดว่าคนที่เป็นภรรยาควรเป็นห่วงเป็นใยสิแล้วทำไม จนในที่คุณมิคามิก็ตัดสินใจพาโทชิหนี คุณโทชิหนิคุณโทชิไปแค่”ตัว”จริงๆ ไม่มีเงิน และ เสื้อผ้าหนีไปทั้งชุดโรงพยาบาล ที่นั่นบ้านของคุณมิคามิคุณโทชิได้รับการต้อนรับอย่างอุ่น
26 ตุลาคม 2009 คุณโทชิ ได้ตัดขาดกับมาซายะกับคาโอริ แต่คุณโทชิตัดสินใจ ว่าจะไม่ร้องเพลงอีกแล้วเพราะเขาเชื่อว่า จะร้องเพลงแล้วจะโชคร้าย